تأملات في سورة السجدة
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
แท้จริงอัลกุรอานเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมาให้แก่ศาสนฑูตผู้ซื่อสัตย์มุฮัมมัด และพระองค์ทรงรักษาไว้คงอยู่เดิม ซึ่งไม่มีการบิดเบือน ไม่มีการแก้ไขสังคายนา เพิ่มเติม หรือตัดทอนใด ๆ ในอัลกุรอาน
การประทานลงมาของคัมภีร์อัลกุรอานไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในนั้นจากพระเจ้าแห่งสากลโลก ทว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวว่า : “มุฮัมมัดได้ปั้นแต่งคัมภีร์นี้ขึ้นมา” แท้จริงคัมภีร์อัลกุรอานมิใช่เป็นดังที่พวกเขากล่าวอ้าง แต่ว่าคัมภีร์นี้คือสัจธรรมจากพระเจ้าของมวลมนุษย์ทั้งปวง เพื่อมุฮัมมัดศาสนฑูตสุดท้ายของพระองค์และบรรดาผู้เผยแผ่อิสลามจักได้ตักเตือนกลุ่มชนหนึ่งที่มิได้มีผู้ตักเตือนคนใดมายังพวกเขา เป็นระยะเวลาได้เนิ่นนานมาหลังศาสนฑูตเยซู เพื่อว่าพวกเขาจะได้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง คือ ศาสนาอิสลาม ศาสนาที่ไม่เคารพภักดีนอกจากอัลลอฮฺ ซึ่งไม่มีพระเจ้าที่แท้จริงนอกจากอัลลอฮฺองค์เดียว
อัลลอฮฺคือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองในเวลา 6 วัน แล้วพระองค์ทรงสถิตอยู่เหนือบังลังค์ สำหรับพวกเจ้านั้นไม่มีผู้คุ้มครองและช่วยเหลืออื่นจากพระองค์ แล้วพวกเจ้ามิได้ใคร่ครวญดอกหรือ ?
พระองค์ทรงบริหารกิจการจากชั้นฟ้าสู่แผ่นดิน แล้วมันจะขึ้นไปสู่พระองค์ในวันหนึ่ง ซึ่งกำหนดของมันเท่ากับหนึ่งพันปีของวันที่พวกเรานับกันในโลกนี้
นั่นคือพระผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและเปิดเผย เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงทำให้ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมันให้ดีงาม
อัลลอฮฺทรงเริ่มการสร้างอาดัมบิดาของมนุษย์ทั้งปวงมาจากดิน แล้วทรงให้การสืบตระกูลของมนุษย์มาจากน้ำอสุจิอันไร้ค่า แล้วทรงทำให้เขามีสัดส่วนที่สมบูรณ์ และทรงเป่าวิญญาณของพระองค์เข้าไปในเขา และทรงให้พวกเราได้ยินและได้เห็นและให้มีจิตใจ สติปัญญา ส่วนน้อยเท่านั้นมนุษย์ที่เป็นผู้ขอบคุณและจงรักภักดีต่ออัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือไม่มีผู้ที่ถูกเคารพสักการะใด ๆ ที่เที่ยงแท้นอกจากพระองค์เท่านั้น พระองค์คือ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
และบรรดาผู้ปฏิเสธการฟื้นคืนชีพพร้อมกับเย้ยหยันกล่าวกันว่า : “เมื่อเราได้สลายตัวลงสู่ใต้ผืนแผ่นดินไปแล้ว เราจะเกิดขึ้นมาใหม่ กระนั้นหรือ?”
ดังนั้น อัลลอฮฺทรงตอบโต้พวกเหล่านั้นว่า: “แต่พวกเขาปฏิเสธต่อการพบพระเจ้าของเขา”
อัลลอฮฺพระเจ้าผู้อภิสิทธิ์แห่งวันปรโลกทรงบัญชาให้มุฮัมมัดศาสนทูตสุดท้ายประกาศให้มวลมนุษย์ทราบทั่วกันว่า: “มะลักผู้ปลิดชีวิตผู้ได้รับมอบหมายเกี่ยวกับพวกท่าน จะปลิดชีวิตของพวกท่าน แล้วพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระเจ้าของพวกท่าน”
ในวันปรโลกเราจะได้เห็นผู้กระทำผิดทั้งหลายก้มศีรษะของพวกเขาลง ณ ที่พระเจ้าของพวกเขาพลางกล่าวว่า: “ข้าแต่พระเจ้าของเรา เราได้เห็นแล้ว เราได้ยินแล้ว ขอได้ทรงโปรดส่งเรากลับไป (ยังโลก) เพื่อเราจะได้กระทำความดี แท้จริงเราเป็นผู้มีความเชื่อมั่นแล้ว” ณ บัดนี้ พวกเขามีความเชื่อมั่นว่า สัญญาของพระองค์นั้นเป็นความจริง และการพบพระองค์ก็เป็นความจริง
และถ้าอัลลอฮฺประสงค์ แน่นอนพระองค์จะทรงทำให้ทุกชีวิตสู่แนวทางที่ถูกต้องของมัน แต่ว่าคำสัญญาของพระองค์จะต้องสมจริงด้วยการลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและกระทำผิด แน่นอน พระองค์จะทรงให้นรกเต็มไปด้วยผู้ปฏิเสธศรัทธาจากมวลญินและมนุษย์รวมทั้งหมด
ดังนั้น ในวันปรโลกอัลลอฮฺทรงปล่อยให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์เผชิญกับการลงโทษในนรกและพระองค์ทรงตรัสว่า: “พวกเจ้าจงลิ้มรสเถิดเนื่องด้วยพวกเจ้าได้ลืมการชุมนุมกันในวันนี้ของพวกเจ้า แท้จริง(วันนี้)เราก็ลืมพวกเจ้าด้วย และพวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษอย่างตลอดกาลตามที่พวกเจ้าได้กระทำผิดไว้”
แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของอัลลอฮฺเท่านั้น ที่เมื่อพวกเขาถูกเตือนให้รำลึกถึงโองการของพระองค์ พวกเขาก็จะก้มกราบเพื่อให้เกียรติและให้ความยิ่งใหญ่ต่ออัลลอฮฺ และพวกเขาสดุดีสรรเสริญแด่พระเจ้าของพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่หยิ่งผยองต่อพระเจ้าของเขา สีข้างของพวกเขาเคลื่อนห่างจากที่นอน พลางวิงวอนต่อพระเจ้าของพวกเขาด้วยความกลัวการลงโทษของพระองค์และความหวังในความเมตตาของพระองค์ และพวกเขาบริจาคสิ่งที่อัลลอฮฺได้ให้เป็นเครื่องยังชีพแก่พวกเขา
ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดในปวงบ่าวรู้สิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานความโปรดปรานให้แก่พวกเขาเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ตาไม่เคยเห็นมาก่อน หูไม่เคยได้ยิน และไม่เคยนึกฝันมาก่อน สิ่งทั้งหลายนั้นถูกซ่อนไว้สำหรับพวกเขา ได้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตา เป็นการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้
ดังนั้น ผู้ศรัทธาจะเหมือนกับคนชั่วช้ากระนั้นหรือ ? ไม่เลย พวกเขาย่อมไม่เท่าเทียมกันแน่ ๆ
ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและทำความดีทั้งหลายนั้น สำหรับพวกเขาคือสวนสวรรค์หลากหลายเป็นที่พำนักเตรียมไว้ตามที่พวกเขากระทำไว้
และส่วนบรรดาผู้มิได้จงรักภักดีต่ออัลลอฮฺและผู้ชั่วช้านั้น ที่พำนักของพวกเขาคือไฟนรก คราใดที่พวกเขาต้องการจะออกไปจากมัน พวกเขาจะถูกบังคับให้เข้าไปในนั้นอีก และจะมีเสียงกล่าวแก่เขาว่า: “จงลิ้มรสการลงโทษของไฟนรก ซึ่งพวกท่านเคยปฏิเสธ ไม่เชื่อมัน”
และแน่นอน อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันใกล้ในโลกนี้ก่อนการลงโทษอันยิ่งใหญ่ในโลกหน้า เพื่อว่าพวกเขาจะกลับมาสำนึกผิด
และผู้ใดเล่าคือผู้ที่อธรรมยิ่งกว่าผู้ที่ถูกเตือนให้รำลึกถึงโองการทั้งหลายของพระเจ้าของเขา แล้วเขาก็ผินหลังให้กับโองการเหล่านั้น แท้จริงพระองค์เป็นผู้ที่จองเวรบรรดาผู้กระทำผิด
และโดยแน่นอน อัลลอฮฺทรงได้ให้คัมภีร์อัตเตารอฮฺแก่มูซาศาสนฑูตของพระองค์ เพื่อเป็นแบบอย่างในการทำความดี และเพื่อเรียกร้องกลุ่มชนอิสรออีลไปสู่การจงรักภักดีต่ออัลลอฮฺ และพระองค์ทรงให้คัมภีร์อัลกุรอานแก่มุฮัมมัดศาสนฑูตสุดท้าย และพระองค์ทรงให้ความมั่นใจแก่มุฮัมมัดศาสนฑูตของพระองค์ว่า: “เจ้าอย่าอยู่ในการสงสัยต่อการพบมัน” แท้จริงอัลลอฮฺทรงได้ทำให้คัมภีร์อัตเตารอฮฺเป็นแนวทางที่ถูกต้องแก่วงศ์วานของอิสรออีล และพระองค์ทรงได้ทำให้คัมภีร์อัลกุรอานเป็นแนวทางแก่มนุษยทุกชนชาติจนถึงวันสิ้นโลก
ในเมื่อบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและคัมภีร์ของพระองค์มีความอดทนและมีความเชื่อมั่นต่อต่อโองการทั้งหลายของพระองค์ โดยแน่นอนอัลลอฮฺจะทรงจัดให้มีบรรดาหัวหน้าซึ่งเป็นบรรดาผู้ปกครองจากบรรดาผู้ศรัทธา เพื่อพวกเขาจะได้ชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องตามคำบัญชาของพระองค์
แท้จริงอัลลอฮฺคือพระเจ้าของฉันและพระเจ้าของท่าน พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์ และพระองค์จะทรงแยกแยะระหว่างใครถูกใครผิดในวันปรโลก แล้วพระองค์ก็จะทรงตอบแทนแก่ทุกคนตามความเหมาะสมในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งในเรื่องของศาสนา
ยังมิเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาดอกหรือว่ากี่มากน้อยแล้วที่อัลลอฮฺทรงได้ทำลายประชาชาติก่อนหน้าพวกเขาไ ปหลายช่วงศตวรรษเนื่องจากพวกเขาปฏิเสธบรรดาศาสนฑูตของอัลลอฮฺและบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ โดยที่พวกเขาเคยไปเที่ยวและพบเห็นสถานที่พำนักอาศัยของชนชาติในศตวรรษก่อน ๆ ที่ถูกทำลาย แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณอย่างมากหลาย แล้วพวกเขายังไม่เชื่อฟังและยังไม่ใคร่ครวญอีกหรือ ?
พวกเขาไม่เห็นดอกหรือว่าอัลลอฮฺทรงได้ให้น้ำไหลลงสู่แผ่นดินที่แห้งแล้ง แล้วด้วยน้ำนั้นพระองค์ทรงได้ให้พืชผลงอกเงยออกมา เพื่อปศุสัตว์ของพวกเขา แล้วพวกเขายังไม่เห็นอีกหรือ ?
แท้จริงชาวมุสลิมบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและโองการของพระองค์ได้เชื่อมั่นว่าอัลลอฮฺจะทรงให้ชัยชนะแก่ชาวมุสลิมทั้งในโลกนี้ และในวันปรโลก ดังนั้น ชาวมุสลิมจึงได้เรียกร้องมวลมนุษย์ให้เข้ามานับถือศาสนาอิสลาม เพื่อมนุษย์ทุกคนจะพบกับชัยชนะที่พระเจ้าทรงได้สัญญาไว้สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย จนกระทั่งพวกปฏิเสธศรัทธาทั้งหลายก็ได้รับทราบทั่วกันในเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่เชื่อ และพวกเขากล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาเป็นการเย้ยหยันว่า: “เมื่อใดเล่าชัยชนะนี้จะเกิดขึ้นแก่พวกท่าน หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง?”
อัลลอฮฺทรงให้มุฮัมมัดศาสนทูตของพระองค์กล่าวตอบแก่พวกเขาว่า: “วันแห่งชัยชนะนั้นการศรัทธาของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่อำนวยประโยชน์แก่พวกเขาเลย(หากเขาจะกลับมาศรัทธา ในวันนั้น หลังจากที่ประจักษ์ถึงความจริงที่เกิดขึ้น) และพวกเขาก็จะไม่ถูกให้ยืดเวลาออกไป”
อัลลอฮฺทรงแนะนำศาสนฑูตขอลพระองค์และชาวมุสลิมบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ใช้ความอดทนต่อการท้าทายของพวกเขา และอย่าไปใส่ใจกับพวกเขา เพราะในระยะเวลาอันไม่ช้านี้พวกเขาจะประสบกับการลงโทษของพระองค์ และบรรดาผู้ศรัทธาก็จะประสบกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ทั้งในโลกนี้ก่อนที่พบกับชัยชนะในวันปรโลก ดังนั้น อัลลอฮฺทรงให้ความมั่นใจแก่ชาวมุสลิมว่า: “จงอย่าหันออกจากพวกเขาเสียเถิด และจงคอยดู แท้จริงพวกเขาก็จะเป็นผู้คอยดู”
ท่านจงกล่าวเถิด คำปฏิญาณว่า : “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮฺ” “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ”
แน่นอน ท่านจะพบกับความสันติสุขในโลกนี้ และท่านจะพ้นจากไฟนรก และจะได้เข้าสวนสวรรค์ในวับปรโลก
ผู้เผยแผ่ศาสนาของอัลลอฮฺ
บ่าวของอัลลอฮฺ / อะหมัดซิดดิก อับดุลรอฮฺหมาน
มัสยิดอิสลาม 157 ม.14 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย 57110