ไม่มีครั้งไหนที่สำคัญและมีคุณค่าเท่าครั้งนี้อีกต่อไปแล้ว

บทความ การ์ดของข้อมูล
หัวข้อ: ไม่มีครั้งไหนที่สำคัญและมีคุณค่าเท่าครั้งนี้อีกต่อไปแล้ว
ภาษา: ไทย
ผู้ตรวจทาน: ทีมงานภาษาไทย เว็บอิสลามเฮ้าส์
คำอธิบายโดยย่อ: บทสัมภาษณ์มุสลิมใหม่ สุกัญญา สุวรรณ นักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ... "เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างมาก เพราะว่าก่อนที่จะรับศาสนาอิสลามรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นเด็กเร่ร่อนที่หาความเป็นตัวของตัวเองไม่ได้มีความแน่นอนในชีวิตรักสนุก เฮฮากับเพื่อนฝูงไป วันๆ ยังเป็นเด็กอยู่มากไม่อยู่ในกรอบของความเป็นผู้ใหญ่เลยพยายามหลีกห่างศาสนาอยู่ตลอด"
วันที่เพิ่ม: 2009-10-16
ลิงก์แบบย่อ: http://IslamHouse.com/245816
:: หัวข้อนี้ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ต่อไปนี้ ::
คำแปลของการ์ดข้อมูลในภาษาต่างๆ: อาหรับ
ไฟล์แนบพร้อมข้อมูล ( 2 )
1.
ไม่มีครั้งไหนที่สำคัญและมีคุณค่าเท่าครั้งนี้อีกต่อไปแล้ว
310 KB
: ไม่มีครั้งไหนที่สำคัญและมีคุณค่าเท่าครั้งนี้อีกต่อไปแล้ว.doc
2.
ไม่มีครั้งไหนที่สำคัญและมีคุณค่าเท่าครั้งนี้อีกต่อไปแล้ว
168.8 KB
: ไม่มีครั้งไหนที่สำคัญและมีคุณค่าเท่าครั้งนี้อีกต่อไปแล้ว.pdf
คำอธิบายโดยละเอียด

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

 

ไม่มีครั้งไหนที่สำคัญและมีคุณค่าเท่าครั้งนี้อีกต่อไปแล้ว

 

บทสัมภาษณ์มุสลิมใหม่

อัสสลามุอะลัยกุมวาเราะฮมาตุลเลาะฮวาบารอกาตุฮ อัลฮัมดุลิลละฮฺสำหรับข่าวดีที่พี่น้องของเราได้แจ้งมาว่า มีนักศึกษาคนนึงเพิ่งเข้ารับอิสลาม

 

แนะนำตัวนิดนึง

อัสสลามุอะลัยกุมค่ะ ชื่อ สุกัญญา สุวรรณ ชื่ออาหรับว่า ฟารียะฮฺ หรือเรียกสั้นๆ ว่า ฟาเรีย เรียนศิลปะศาสตร์ สาขาภูมิศึกษา ชั้นปี 4 เป็นคนจังหวัดสงขลาค่ะ

 

รู้สึกยังไงกับก่อนและหลังเข้ารับอิสลาม

เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างมาก เพราะว่าก่อนที่จะรับศาสนาอิสลามรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นเด็กเร่ร่อนที่หาความเป็นตัวของตัวเองไม่ได้มีความแน่นอนในชีวิตรักสนุก เฮฮากับเพื่อนฝูงไป วันๆ ยังเป็นเด็กอยู่มากไม่อยู่ในกรอบของความเป็นผู้ใหญ่เลยพยายามหลีกห่างศาสนาอยู่ตลอดเพราะว่าตัวเองคิดว่าศาสนาไม่แน่นอนและไม่มีความน่าเชื่อถือยังหาความจริงไม่ได้ว่าสิ่งไหนเหมาะกับเราและพอดีว่าเป็นคนที่ค่อนข้างจะหัวแข็งในเรื่องนี้อยู่ด้วย ส่วนความรู้สึกที่หลังจากเข้ารับอิสลามแล้วเริ่มจากจุดเปลี่ยนก่อนนะ คือ เริ่มจากนั่งคุยกันกับเพื่อนแล้วเพื่อนถามเราว่าพระเจ้าของเธอคืออะไร เราก็ตอบไม่ได้ ก็กลับมาคิด และพอดีว่าช่วงนั้นได้ทุนไปเรียนภาษาที่อินโดนีเซียก็ไปอยู่ที่หอที่ทางมหาวิทยาลัยที่อินโดจัดหาให้ แล้วบังเอิญว่าได้อยู่หอรวมกับเด็กอินโดซึ่งนับถือศาสนาอิสลามและมีการปฏิบัติศาสนากิจกันในหอพักเราก็สำผัสกับบรรยากาศแบบนั้นทุกวันแล้วก็มีการพูดคุยกับเด็กอินโดบ้างก็ชอบถามไปเรื่อยตามที่เราสงสัย และพอดีว่ามีคนไทยไปเรียนอยู่ที่นั่นด้วยและพอดีว่ามีฟาเรียกับเพื่อนสองคนที่เป็นพุทธ (เด็กไทยที่ได้ทุน) แล้วเค้าก็ถามอีกว่าพระเจ้าของเราคืออะไร เราก็งงว่าทำไมมีแต่คำถามแบบนี้ แล้วทีนี้เราก็ถามกลับไปบ้างว่าพระเจ้าของคุณหละคืออะไร เค้าก็ตอบได้ว่าคือ อัลเลาะห์ แต่เราตอบไม่ได้หลังจากนั้นก็เริ่มพูดคุยกันและจากที่เราเคยมีความรู้อยู่บ้างก็คุยกันจึงมองเห็นความแตกต่างสิ่งที่เราเป็นอยู่ว่ามีช่องโหว่อยู่หลายอย่างและอีกอย่างคือเรารู้สึกว่าที่เราเป็นอยู่มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการเพราะว่าเราต้องการความแน่นอน ความจริง ความศรัทธาที่เราสามารถสัมผัสได้ว่ามีจริงข้อปฏิบัติที่รัดกุมไม่แข็งและไม่อ่อนเกินไปสามารถยืดหยุ่นได้และครอบคลุมทุกรายละเอียดของการกระทำของเรา หลังจากนั้นเราก็เริ่มซึมซับและศึกษาจนกระทั่งรับอิสลาม ความรู้สึกตอนนี้คือรู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่เราค้นเจอและใช่สิ่งที่ตัวเราตามหา เราอยู่ในกรอบที่มีการชี้นำโดยหลักการของศาสนาเราเรียนรู้ได้จากการกระทำของเราความคิดของเราโดยที่ศาสนาชี้นำตลอดว่าสิ่งนี้เป็นหะรอมนะสิ่งนี้เป็นหะลาลในศาสนาอิสลามนะ ก็รู้สึกว่ามีความสุขกว่าเดิมมากไม่ต้องไปยึดติดกับอะไรหลายๆอย่างที่เพ้อฝัน คือตอนนี้จัดว่าเป็นคนใหม่ไปเลยเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตัวเองครั้งสำคัญในชีวิตและคิดว่า ไม่มีครั้งไหนที่สำคัญและมีคุณค่าเท่าครั้งนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะว่าผลที่ได้รับคิดว่าเกินคุ้มมากค่ะ อัลฮัมดุลิลละฮฺ

 

เริ่มต้นสนใจตอนไหน

ตอนปี 2 ค่ะ เนื่องจากว่าเราอยู่ในสังคมที่ต้องคลุกคลีอยู่กับเพื่อนที่เป็นอิสลามแล้วเราเห็นการปฎิบัติ และความเชื่อต่างๆเราก็เริ่มสนใจและหลังจากนั้นก็เริ่มศึกษามาเกี่ยวกับอิสลามมา

เรื่อยๆ

 

มีวิธีศึกษายังไง?

อ่านหนังสือแล้วก็ถามเพื่อนๆ ที่เป็นมุสลิมค่ะนอกจากนี้ก็ถามความคิดเห็นของคนที่ไม่ใช่อิสลามด้วยเพราะว่าเราต้องการที่จะรู้มุมมองความคิดของคนอื่นที่มีต่อศาสนาอิลามด้วยเช่นกัน

 

ตัดสินใจตอนไหนว่าจะเข้ารับอิสลามแล้วอะไรเป็นแรงบันดาลใจ?

ตัดสินใจว่าจะรับอิสลามตั้งแต่ตอนที่อินโดนีเซียค่ะ ว่ากลับมารอบนี้จะคุยกับที่บ้านและรับอิสลาม เพราะตอนที่เรียนที่อินโดนีเซียได้อยู่ร่วมกับเพื่อนที่เป็นมุสลิม เห็นเขาปฏิบัติศาสนกิจกัน เห็นชีวิตความเป็นอยู่และได้คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ ซึ่งเราก็สัมผัสมาด้วยตัวของเราเองและตอนนี้ก็เป็นช่วงที่เรามีศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมอยู่แล้วกับการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยและการที่เราจะรับอิสลามเพราะว่าจากสิ่งที่เราได้คือมันอิ่มตัวแล้วและมันใช่กับเราแล้วคิดว่าอัลเลาะห์เปิดทางให้แก่เราแล้วเราเจอทางที่ใช่แล้วจึงตัดสินใจรับอิสสลามค่ะ

 

เริ่มเปลี่ยนแปลงยังไง?

เริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยังไม่เข้ารับอิสลาม คือ งดกินหมูก่อนล่วงหน้าแล้วเพราะว่าเราคลุกคลีอยู่กับเพื่อนฝูงที่เป็นมุสลิมอยู่ตลอด นอกจากนั้นก็ ฝึกถือศีลอด อ่านหนังสือศึกษาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้ารับอิสลามตอนนี้ก็อัลฮัมดุลิลละฮฺ เริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การวางตัวการปฏิบัติต่างๆเพราะว่าตอนนี้เราเป็นมุสลิมแล้วนะจะทำตัวที่เลยขอบเขตหรือทำตัวตามใจตัวเองที่นึกจะทำก็ทำรักสนุกไปวันๆ โดยที่เมื่อก่อนไม่มีขอบเขตของความเป็นตัวเองหรือการที่ติดเพื่อนทำเออออตาม เพื่อนทุกอย่างมันแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเพราะว่าเราก็เป็นผู้ใหญ่แล้วเรียนระดับปริญญาตรีแล้วจะทำตัวเหลวไหลไม่ได้แล้วเพราะว่าจุดหมายเราเปลี่ยนไปแล้วเราเริ่มที่จะมองอะไรที่ไกลกว่านั้น หลักการหลักคำสอนของอิสลามสอนเยอะมากเพราะว่าหลักคำสอนครอบคลุมถึงการกิจวัตรประจำวันมีการชึ้แนะแนวทางที่เหมาะที่ควรทำและสิ่งที่ควรยกเว้นควรหลีกห่างและเป็นการสอนเรื่องของการควบคุมจิตใจไม่ฟุ้งซ่านไปตามกระแสเนื่องจากว่าเรามีศรัทธาต่ออัลลอห์พระองค์เดียวเราก็เชื่อว่าหลักคำสอนของพระองค์เพียงอย่างเดียวไม่ไปตามคนอื่น จิตใจเราก็ไม่ไหลไปตามกระแสต่างๆคืออาจจะพูดยากเพราะว่ามันเกิดขึ้นกับตัวเอง คือเข้ารับรับอิสลามแล้วรู้สึกว่าตัวเองนิ่งมากจิตเย็นกว่าเดิมสิ่งที่เราคิดว่ากลัวน่ากลัวมากแต่พอตอนนี้เราไม่เชื่อก็ไม่กลัวรู้สึกดีมากดีกว่าไปยึดติดกับความกลัวอย่างเก่า ส่วนการเปลี่ยนแปลงต่อมาคือการแต่งกายเพราะว่าว่าการแต่งกายของอิสลามมิชิดดีบ่งบอกว่าการที่เราเป็นอิสลามไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็ได้รับเกียรติเสมอและตอนนี้ก็คลุมฮิญาบด้วย รับอิสลามแล้วคลุมเลย ส่วนการปฏิบัติตอนนี้ ก็หัดละหมาด ค่ะ และอ่านหนังสือหนังสือที่อ่านตอนนี้ก็มีคู่มือมุอัลลัฟและคู่มือการปฏิบัติต่างๆ ค่ะ

 

นี่ก็ใกล้เข้าเดือนรอมฎอนแล้ว รู้สึกยังไงกับรอมฎอนครั้งแรก?

ก็อัลฮัมดุลิลละฮฺค่ะ ที่พอเข้ารับอิสลามก็ได้เจอกับรอมฎอนเลย ตื่นเต้นค่ะเพราะว่าเดือนรอมฎอนนี้เป็นเดือนที่ยิ่งใหญ่เป็นเดือนแห่งผลบุญเดือนแห่งการทำความดีเป็นเดือนที่เราสามารถที่จะทดสอบตัวเองไม่ว่าจะเป็นการทดสอบทางร่างกายและทางจิตใจ และวาจา ของมุสลิมและเป็นเดือนที่เราสามารถที่จะเก็บเกี่ยวผลบุญได้อย่างเต็มที่เต็มความสามารถของเราสำหรับตัวเองรู้สึกว่าโชคดีที่รับอิสลามแล้วเจอกับเดือนรอมฎอนเลยและตอนนี้ก็มีการเตรียมตัวรับการมาถึงของเดือนรอมฎอนในครั้งนี้มีการเริ่มฝึกละศีลอดเพื่อเป็นการเตรียมร่างกายเราให้พร้อมล่วงหน้าและศึกษาว่าเราต้องทำอะไรอย่างไรบ้างในช่วงเดือนนี้ ก็ตอบได้ว่ารู้สึกดีกับการมาถึงของเดือนรอมฎอนนี้มากเราจะได้รู้จักกับการทดสอบของเราอย่างจริงจังที่ไม่เคยเจอมาก่อน เป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นและดีใจอย่างมากเป็นเหมือนแข่งขันกับกับตัวเราแต่ได้รับการรางวัลเป็นผลบุญที่มีค่ายิ่งสำหรับตัวฟาเรียค่ะ

 

ปัญหาที่พบเจอล่ะ?

ไม่มีค่ะ เพราะที่บ้านก็เข้าใจ เนื่องจากคุณแม่ก็มีเชื้อสายอิสลามค่ะ เวลากลับบ้าน แม่พาออกไปกินข้าวนอกบ้านค่ะ ส่วนหากจะเจอกับปัญหาบ้างก็ไม่กลัวเพราะว่าคิดอยู่เสมอว่าเป็นการทดสอบของอัลเลาะห์

 

คาดหวังยังไงกับสังคมมุสลิมในวลัยลักษณ์ค่ะ ?

สังคมมุสลิมที่เด่นชัดในวลัยลักษณ์ก็คงเป็นชมรมมุสลิม ก็อยากให้ทางชมรมมีกิจกรรมที่เปิดกว้างกว่านี้ มีการจัดการพูดคุยในเรื่องของศาสนาและมีกิจกรรมเช่นมีการแข่งขันทักษะเรื่องศาสนา มีการพุดคุยกันได้ทุกเรื่องเสมือนว่าพี่นั่งคุยกับน้องมีการทำกิจกรรมร่วมกันของชมรมมุสลิมที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ทุกคนเป็นสังคมมุสลิมที่เปิดกว้างมากกว่านี้ค่ะ

 

....

จาก วารสารเราะมะฎอน 1430 (2552) ชมรมมุสลิมมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ คลิกที่นี่

Go to the Top