Аллоҳнинг меҳмонлари ҳожиларга 12 васият
พี่น้องหุจญาจญ์ผู้เป็นอาคันตุกะของอัลลอฮฺที่เคารพรักทุกท่าน
السَّلامُ عَلَيْكُمْ وَرَحْمَةُ الله ِوَبَرَكَاتُهُ
เพื่อเป็นการน้อมรับคำบัญชาของอัลลอฮฺ ที่กำชับให้บ่าวของพระองค์หมั่นให้การตักเตือนซึ่งกันและกันสู่ตอบรับคำเชิญชวนของพระองค์และสืบสานสุนนะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ดังนั้น เนื่องในโอกาสที่บรรดาหุจญาจญ์ผู้เป็นอาคันตุกะของอัลลอฮฺ กำลังจะเดินทางมุ่งสู่มหานครมักกะฮฺ กระผมมีความยินดีมอบโอวาทที่คิดว่ายังประโยชน์- ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺ- ต่อกระผมเองและพี่น้องหุจญาจญ์ในฐานะอาคันตุกะของอัลลอฮฺผู้เป็นที่รักยิ่งทุกท่านดังต่อไปนี้
1. จงบริสุทธิ์ใจ (อิคลาศ) ต่ออัลลอฮฺในทุกๆ กิจการของท่าน เพื่อเป็นการน้อมรับคำเชิญชวนของอัลลอฮฺและเป็นการยำเกรงต่อพระองค์ พร้อมทั้งพยายามพัฒนาคุณภาพอะมัลอิบาดะฮฺและกิริยามารยาท ให้สอดคล้องกับสุนนะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จงตระหนักอยู่เสมอว่า ทุกอิริยาบถและการเคลื่อนไหวของเรา ล้วนอยู่ภายใต้การตรวจสอบและการเฝ้ามองของอัลลอฮฺตลอดเวลา เราทุกคนถูกสั่งกำชับให้ตระเตรียมเสบียงที่มากมาย และเสบียงที่ดีเลิศคือการตักวา วิชาความรู้และกิริยามารยาทอันงดงาม
2. พึงรำลึกอยู่เสมอว่า อิบาดะฮฺหัจญ์ต้องปฏิบัติในรูปของกลุ่มญะมาอะฮฺและถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้นแต่ละคนต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนภายในกลุ่มอย่างเป็นระเบียบ นั่นคือ ผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มในทุกระดับชั้น จำเป็นต้องขบคิดเตรียมการ วางแผน จัดระเบียบและออกคำสั่งอยู่เสมอ พร้อมทั้งปกป้องและรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์และความปลอดภัยของบรรดาผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของตน ด้วยความรู้สึกรับผิดชอบและตระหนักในหน้าที่อย่างแท้จริง ตามนโยบายที่กลุ่มได้วางไว้ ส่วนผู้ตามในทุกระดับจำเป็นต้องเชื่อฟังผู้นำของตนด้วยความเคารพและอดทน ตราบใดที่ระเบียบหรือคำสั่งของผู้นำของตนไม่ขัดแย้งกับคำสอนของอัลลอฮฺและรสูลของพระองค์ และจงสร้างบรรยากาศแห่งความเป็นพี่น้องและจิตวิญญาณแห่งการทำงานเป็นทีมให้เกิดขึ้น ไม่ว่าภายในกลุ่มด้วยกันเองหรือระหว่างกลุ่มต่างๆ จงให้เกียรติซึ่งกันและกัน เห็นอกเห็นใจกัน ให้อภัยต่อกัน พร้อมเคารพต่อกฎหมายบ้านเมืองของประเทศไทยและกฎหมายของประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างเคร่งครัด
3. จงหมั่นเพียรและมุ่งมั่นเพื่อให้ได้รับหัจญ์ที่มับรูรอยู่เสมอ ซึ่งผลตอบแทนคือสรวงสวรรค์ ด้วยการยึดมั่นกับพื้นฐานของมัน นั่นคือความบริสุทธิ์ใจ (อิคลาศ) และการปฏิบัติตามสุนนะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม (อิตติบาอฺ) และปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ อาทิ การทำความเข้าใจในสารัตถะของการทำหัจญ์ มีความยำเกรง (ตักวา) และจริยธรรมอันงดงาม มีความเสียสละอันสูงส่งและห่างไกลจากอบายมุข พร้อมทั้งรักษาไว้ซึ่ง วิถีทัศน์ (สโลแกน) ของหัจญ์ นั่นคือ คำกล่าว ตัลบิยะฮฺ (ลับบัยกัลลอฮุมมะลับบัยก์) หมายความว่า “ฉันได้ตอบรับคำเชิญชวนและคำสั่งของพระองค์แล้ว” ทั้งในด้านการกล่าวตอบรับและการประยุกต์ใช้คำสอนในชีวิตประจำวัน ด้วยการสนองตอบคำเชิญชวนและคำสั่งของอัลลอฮฺและสุนนะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ตลอดจนผู้นำผู้ทรงคุณธรรม
4. จงให้เกียรติแผ่นดินหะรอมอยู่เสมอ ไม่ว่าที่มหานครมักกะฮฺหรือมะดีนะฮฺ จงเคารพสถานที่ที่มีเกียรติยิ่งในทัศนะของอัลลอฮฺ อาทิ กะอฺบะฮฺ มะกอมอิบรอฮีม เขาศอฟา เขามัรวะฮฺ ทุ่งอะเราะฟะฮฺ ทุ่งมุซฺดะลิฟะฮฺ มัชอะริลหะรอม มินา เสาหิน(ญัมเราะฮฺ) และสัตว์เชือดพลี(ฮัดย์) จงห่างไกลจากการกระทำที่เป็นภาคี(ชิริก) ต่ออัลลอฮฺ จงอย่ากระทำสิ่งที่ฝ่าฝืน และจงอย่ากระทำสิ่งอบายมุขในเขตหะรอมเป็นอันขาดแม้เพียงเจตนาอกุศลก็ตาม ขณะเดียวกัน ให้กล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ (ซิกิร) และขอดุอาอ์ให้มากๆขณะที่อยู่ในสถานที่ที่มีเกียรติยิ่งในทัศนะของอัลลอฮฺดังกล่าวข้างต้น
5. พึงตระหนักว่า เราทุกคนคืออาคันตุกะของอัลลอฮฺที่มีเกียรติยิ่ง ดังนั้น ท่านจงระวังรักษาเกียรติของท่าน เกียรติของประเทศชาติ และเกียรติของบรรดาอาคันตุกะของอัลลอฮฺทุกท่านด้วยการใช้วาจาที่สุภาพ ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และการมีปฏิสัมพันธ์ด้วยกิริยามารยาทที่ดีงาม หมั่นทักทายด้วยการให้สลามอยู่เสมอ ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันและอดทน พร้อมทั้งให้อภัยต่อพฤติกรรมของผู้อื่นที่แสดงกิริยาที่ไม่สุภาพต่อเรา จงพยายามทำความรู้จักกับบรรดาอาคันตุกะของอัลลอฮฺที่มีความหลากหลาย ทั้งที่มาจากประเทศของเราเองและประเทศอื่นๆ และจงสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกับมิตรสหายด้วยการทำความดีต่างๆ อาทิ ถามไถ่ทุกข์สุขอยู่ตลอดเวลา เยี่ยมเยียน เลี้ยงอาหาร แลกเปลี่ยนที่อยู่และของที่ระลึกระหว่างกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้อภัยต่อกัน ฯลฯ พึงสำนึกเถิดว่า เรากำลังอยู่ภายใต้บรรยากาศท่ามกลางบรรดาพี่น้องผองเพื่อนที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ โดยไม่มีพรมแดนด้านเชื้อชาติ สัญชาติและภาษา ที่รวมตัวกันในบรรยากาศของความเป็นนานาชาติ ณ สถานที่อันทรงเกียรติที่สุดและเวลาอันสุดประเสริฐ ซึ่งโอกาสเช่นนี้มีไม่บ่อยนักหรืออาจเป็นครั้งเดียวในชีวิตก็ได้ ดังนั้น จงรีบฉกฉวยโอกาสทองอันล้ำค่านี้ เพื่อถักทอสานสายใยแห่งความเป็นพี่น้องอันเป็นรากฐานของการรังสรรค์ความเป็นภราดรภาพหรือประชาชาติที่เป็นหนึ่งเดียว เผยแผ่ดะอฺวะฮฺและความเมตตาแห่งอิสลามไปทั่วทุกมุมโลก
6. จงกล่าวตัลบิยะฮฺด้วยการเปล่งเสียง จงกล่าวซิกิร ตะฮฺลีล ตักบีร ตะหฺมีด ตัสบีหฺ อิสติฆฟาร และเตาบะฮฺให้มากๆ และจงหมั่นขอดุอาอ์เป็นประจำ โดยเฉพาะดุอาอ์มะษูรฺที่มีรายงานจากท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม หรือบรรดาเศาะหาบะฮฺไม่ว่าซิกิรฺหลังละหมาดหรือบทซิกิรเช้าเย็น(อัซการนะบะวียะฮฺ) เช่นเดียวกับซิกิรและดุอาอ์ ณ ทุ่งอะเราะฟะฮฺ อัล-มัชอะริลหะรอม(มุซดะลิฟะฮฺ) เสาหิน(ญัมเราะฮฺ) เวลาเข้าออกมัสยิด และเวลาขึ้นยานพาหนะ เป็นต้น พร้อมทั้งหมั่นอ่านอัลกุรอานเป็นประจำ อย่างน้อยหนึ่งเที่ยวจบตลอดช่วงเวลาที่พำนักอยู่ ณ มหานครมักกะฮฺและมะดีนะฮฺ ด้วยเสียงที่เบาและไม่รบกวนผู้อื่นที่กำลังทำอิบาดะฮฺอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่อยู่ในมัสยิด และช่วงเวลาที่มีการตอบรับดุอาอ์ เวลาที่กำลังวุกูฟอยู่ ณ ทุ่งอะเราะฟะฮฺ และเวลาที่พักแรมอยู่ ณ ทุ่งมีนา เป็นต้น
7. จงกล่าวเศาะละวาตต่อท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ให้มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ไปเยี่ยมเยียมท่านและเวลาที่กำลังพำนักอยู่ในมัสยิดนะบะวีย์ และจงวิงวอนขอดุอาต่ออัลลอฮฺ เพื่อให้พระองค์ทรงบันดาลให้เราเป็นประชาชาติที่ยึดมั่นกับสุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ทั้งในด้านหลักการศรัทธา อิบาดะฮฺ จริยธรรม และการมีปฏิสัมพันธ์ด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้งและศรัทธามั่นต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เพราะหยดน้ำแห่งความโปรดปรานของอัลลอฮฺจะรดรินแก่บรรดาผู้ที่กล่าวเศาะละวาตต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เสมอ และพระองค์ทรงรักบรรดาผู้ที่ยึดมั่นและปฏิบัติตามสุนนะฮฺของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านวิธีการปฏิบัติหัจญ์ ตามคำอธิบายของบรรดาอุละมาอ์ที่ได้รับการยอมรับทั้งหลาย
8. จงดำรงละหมาดฟัรฎูในมัสยิดโดยญะมาอะฮฺอย่างเป็นกิจวัตร รวมทั้งละหมาดสุนัตเราะวาติบ ละหมาดตะหัจญุดและวิติร ละหมาดฎุฮา ละหมาดเอาวาบีน และละหมาดตะหิยะตุลมัสยิด ขณะที่พำนักอยู่ที่มหานครมักกะฮฺและมะดีนะฮฺ พร้อมทั้งตั้งเจตนา(เนี๊ยต)อิอฺติกาฟทุกครั้งที่เข้าไปในมัสยิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมัสยิดหะรอมและมัสยิดนะบะวีย์ และจงพยายามรักษาความสะอาดของมัสยิดอย่างสุดความสามารถ
9. หมั่นเฏาะวาฟรอบบัยตุลลอฮฺให้มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกครั้งที่เข้าไปในมัสยิดอัลหะรอม เพื่อเป็นการให้เกียรติ(ตะหิยะฮฺ) มัสยิดอัลหะรอม จงเข้าไปจูบหินดำ (หะญะรุลอัสวัด) หากมีความสามารถและไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น แต่หากไม่มีความสามารถก็จงเอามือไปแตะหินดำและที่มุมรุก่นยะมานีย์หรือเพียงพอแค่ยกมือโบกเท่านั้น และจงดื่มน้ำซัมซัมให้มากๆ ด้วยเจตนาเพื่อให้อัลลอฮฺทรงขัดเกลาจิตใจเราให้ใสสะอาดและสว่างไสว และให้เราปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และจงละหมาดทางด้านมะกอมอิบรอฮีม
10. จงระวังรักษาความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของตนเองและบรรดาผู้ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของเราให้ดี โดยเฉพาะช่วงเวลาการเดินทาง จงรักษาความสะอาดและความมีระเบียบวินัยด้านโภชนาการ การแต่งกาย สถานที่พัก สถานที่สาธารณะ และบนถนนหนทาง
11. จงห่างไกลจากการกระทำใดๆ ที่เป็นภาคีต่ออัลลอฮฺ สิ่งอบายมุขและสิ่งลามกอนาจาร การทะเลาะเบาะแว้ง และสร้างความเดือนร้อนแก่ผู้อื่น รวมทั้งสิ่งต่างๆ ที่เป็นสิ่งต้องห้ามขณะทำหัจญ์ จงอ่อนน้อมถ่อมตนในด้านการมีปฏิสัมพันธ์ จงระวังการคุลวะฮฺ(การอยู่กันสองต่อสองระหว่างชายหญิงที่สามารถแต่งงานได้) และระมัดระวังอวัยวะที่พึงปกปิด(เอาเราะฮฺ)ระหว่างสตรีกับบุรุษเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่พัก ในแค้มป์ และบนยานพาหนะ
12. จงให้ความสำคัญและทุ่มเทเวลากับการศึกษาเพิ่มเติมและใฝ่รู้อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำหัจญ์ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมัสยิดอัลหะรอมและมัสยิดนะบะวีย์ พร้อมรักษาบรรยากาศแห่งการตักเตือนระหว่างกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรมและขันติธรรม ด้วยการหลีกห่างจากการทะเลาะเบาะแว้ง ติฉินนินทา ใส่ร้ายป้ายสี และกล่าวหาผู้อื่นที่นำไปสู่ความแตกแยกและการแบ่งพรรคแบ่งพวก ซึ่งเป็นการบั่นทอนและทำลายจิตวิญญาณแห่งความเป็นพี่น้องในอิสลามที่แท้จริง ขณะเดียวกัน จงพยายามรีบเร่งแก้ไข เยียวยาความบาดหมาง แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง ตลอดจนประสานรอยร้าวที่เกิดขึ้นในหมู่พี่น้อง ด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมด้วยความยำเกรงต่ออัลลอฮฺเผื่อเราจะได้รับความเมตตาและโปรดปรานจากพระองค์
สุดท้าย ขอวิงวอนต่อเอกอัลลอฮฺได้โปรดทำให้หัจญ์ของเราทุกคนเป็นหัจญ์ที่มับรูร ซึ่งผลตอบแทนคือสรวงสวรรค์ของพระองค์
رَبَّنَا آتِنا في الدُّنياَ حَسَنَةً وَفي الآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنا عَذَابَ النَّار ِ، رَبَّنَا تَقَبَّلْ مِنَّا إِنَّكَ أَنْتَ السَّمِيْعُ الْعَلِيْمُ، وَتُبْ عَلَيْنَا إِنَّكَ أَنْتَ التَّوَّابُ الرَّحِيْمُ، وَصَلَّى اللهُ عَلى نَبِيِّنَا مُحَمَّدٍ وَعَلى آلِه وَصَحْبِه وَسَلَّم، سُبْحَانَ رَبَّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُوْنَ، وَسَلاَمٌ عَلى الْمُرْسَلِيْنَ وَالْحَمْدُ ِللهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ.
ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อะมีรุลฮัจญ์ไทย ฮ.ศ. 1428
1 ซุลเกาะอฺดะฮฺ ฮ.ศ. 1428
ตรงกับ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007