Dialogue with Sh. Yusuf Estes after His Embracing Islam
Subject Information 
พิธีกร...และเกี่ยวกับตัวท่านหล่ะ? เพราะเหมือนท่านไม่ได้เล่าให้พวกเราฟังในอาทิตย์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเข้า รับอิสลามของท่าน
ชัยค์ ยูซุฟ...ได้ครับ, ในตอนแรกที่มีคนแนะนำผมเกี่ยวกับอิสลามนั้น ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเกี่ยวกับศาสนาเลย จริงๆแล้วผมมีความสุขกับศาสนาที่ผมมีอยู่เดิม และผมพยายามที่จะเปลี่ยนมุสลิมคนนึงมาเป็นคริสเตียน
พิธีกร...เพราะคุณเป็น pastor (พระ)?
ชัยค์ ยูซุฟ... (ปล่าวครับ) จริงๆแล้วผมเป็น preacher (นักเทศน์) (*1*)
พิธีกร...โอเคๆ ท่านเป็น preacher
ชัยค์ ยูซุฟ... pastor นี่จะสูงศักดิ์กว่านี้ ส่วนผมนั้น (อดีต) เป็นแค่คนที่เทศนาธรรม
พิธีกร...เป็นนักดนตรี?
ชัยค์ ยูซุฟ...ใช่ครับ นักดนตรีมากกว่า
พิธีกร...และนั่นเป็นชีวิตท่าน?
ชัยค์ ยูซุฟ...รวมๆแล้ว ผมก็เป็นคนๆนึงที่พยายามดะวะฮ์คนให้รู้จักพระเจ้า ฯลฯ ช่วงนั้น (ช่วงที่ท่านทำธุรกิจกับหนุ่มมุสลิมชาวอียิปต์ที่ท่านพยายามจะดะวะฮ์เค้า เข้าคริสเตียน) หนุ่ม(มุสลิม)คนนั้น พูดกับผมอย่างนึง มันเป็นสิ่งที่โดนมากๆ เพราะจริงๆแล้ว ชายคนนั้นรู้ตัวดีว่าผมพยายามจะดะวะฮ์เค้าตั้งแต่ตอนแรกที่เราเจอกัน ช่วงเวลา 3 เดือนที่เราทำธุรกิจร่วมกัน เขาทราบดีว่าผมพยายามที่จะเปลี่ยนให้เขาเข้ารับศาสนาคริสต์ให้ได้ เขารู้ได้จากทุกๆคำถาม ทุกๆข้อโต้เถียง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพยายามทำคือ จะเปลี่ยนศาสนาของเขา ครั้งนึง เขากล่าวกับผมว่า
“ผมจะเข้ารับศาสนาคุณ ถ้าศาสนาคุณดีกว่าศาสนาผม“
ตอนนั้น ผมรู้สึกว่า ง่ายเลย ผมทำสำเร็จแล้ว เพราะอะไรรู้มั้ย? เพราะว่า ตามที่ผมจะกล่าวต่อไปในโปรแกรมนี้ จะเห็นว่ามันมีอะไรต่อมิอะไรมากมายที่จะต้องทำในฐานะมุสลิม และผมกับเขาก็มีการคุยกันในเรื่องนี้ เพราะจากที่ผมเห็นคือจะต้องละหมาด วันละ 5 เวลา ผมได้พูดกับเขาว่า
“คุณไม่ต้องทำอย่างนั้น (ละหมาด 5 เวลา) คุณไม่ต้องถือศิลอดตั้งหนึ่งเดือน คุณไม่ต้องจ่ายซากาดให้กับคนยากจน โอเค มันเป็นสิ่งที่ดี แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำมัน คุณไม่ต้องเดินทางรอบโลกเพียงเพื่อไปถึงกล่องนั้น (กะบะ) เพื่อประกอบพิธีกรรมเหล่านั้น คุณไม่ต้องทำสิ่งเหล่านั้น และคุณไม่จำเป็นต้องดี(ต่อผู้อื่น)ก็ได้ คือ มันเป็นสิ่งที่ดี แต่มันไม่ใช่วายิบ เพราะการจะเป็นคริสเตียนนั้นง่ายมาก จริงๆนะ ก็อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ ทีนี้ ชายคนนั้นพูดกับผมว่า
“ผมจะเข้ารับศาสนาคุณ ถ้ามันดีกว่าศาสนาของผม แต่คุณต้องพิสูจน์“
ผมจึงพูดกับเขาว่า “ไอ้หนุ่ม! ศาสนาไม่ใช่เรื่องของการพิสูจน์ แต่เป็นเรื่องของการศรัทธา“ และนี่แหละคือศาสนา (การศรัทธา) จากนั้นเขาได้พูดกับผมว่า
“ในอิสลาม เรามีทั้งสองอย่าง ข้อพิสูจน์และความศรัทธา“
ผมเลยพูดกับเขาว่า “คุณ ที่นั่งอยู่ตรงนั้น และคุณ ในฐานะมุสลิม กำลังจะบอกผมว่า คุณสามารถพิสูจน์ได้ว่า พระเจ้ามีจริงอย่างนั้นหรือ?
และเขาพูดกับผมว่า “และคุณ ที่นั่งอยู่ตรงนั้น ในฐานะนักเทศนาธรรมในศาสนาคริสต์ บอกผมซิ ว่าคุณพิสูจน์ได้?“
(*1*) preacher เป็นนักเทศน์ ซึ่งจะต่างกับ priest โดยที่คำหลังนี้จะใช้เรียกสำหรับพระที่เป็นคาร์ทอลิก แต่ชัยค์ ยูซุฟ เอสเตส อดีตเป็นนักเทศน์นิกายโปรแตสแตน เลยเรียกว่าท่านเป็น preacher (ในคริสเตียน ชื่อที่ใช้เรียกจะต่างกันเล็กน้อย ซันไชน์แนะนำไปคร่าวๆ อย่างนี้ละกัน) ส่วนคำว่า pastor ก็เป็นอีกคำ ที่สูงกว่า preacher (ตามที่ชัยค์ท่านอธิบายนะ)
