Kisa cha kuslimu Dada Ruhani Vantinajonji
ดิฉันชื่อ อรชร พันทนาคง ดิฉันเริ่มให้ความสนใจศาสนาอิสลามเมื่อราว 2 ปีที่แล้ว(พ.ศ.2516) โดยเพื่อนๆ มุสลิมของดิฉันเป็นปัจจัยสำคัญช่วยให้เกิดความบันดาลใจ
ดิฉันมีเพื่อน ๆ ที่เป็นมุสลิมหลายคนด้วยกัน เพื่อนเหล่านี้ทำให้เกิดความรู้สึกทึ่งและน่าสนใจมาก จุดแรกของความรู้สึกก็คือ ได้มีโอกาสเห็นพวกเขาแสดงการนมัสการพระผู้เป็นเจ้าอยู่เป็นประจำด้วยวิธีการง่าย ๆ สงบเสงี่ยม ไม่มีพิธีรีตรองอะไรยุ่งยาก ไม่จำเป็นต้องมีรูปปั้น สถานที่เช่นไรก็กระทำได้ ขอเพียงแต่ให้สะอาดเท่านั้น
การปฏิบัติตัวของเขาก็เป็นไปแบบเรียบ ๆ สิ่งเหล่านี้เองที่เป็นสื่อให้ดิฉันสนใจต่อการปฏิบัติยึดถือของพวกเขา ต่อมาดิฉันจึงชวนพวกเขาพูดคุยเรื่องศาสนาทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ซึ่งพวกเพื่อน ๆ ก็ยินดีและเริ่มให้ความสนใจดิฉันเป็นพิเศษเช่นกัน เพื่อน ๆ มีส่วนให้ความรู้ความเข้าใจและแสงสว่างแก่ดิฉันมากพอควรทีเดียว
จนกระทั่งดิฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์มุสลิมที่สอนอยู่ในมหาวิทยาลัย ตอนนี้เองดิฉันเริ่มรู้สึกตัวเองว่า ได้พบแสงสว่างทางปัญญาที่แท้จริงเข้าแล้ว เป็นความรู้สึกที่เชื่อมั่นและมั่นใจอย่างที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต ทั้ง ๆ ที่ดิฉันเองก็ได้ร่ำเรียนหลักศรัทธาเดิมของดิฉันมาพอตัวทีเดียว คือเป็นเวลาถึง 8 ปีเต็ม
เมื่อก่อนดิฉันเคยคิดว่าศาสนาไหน ๆ ก็เหมือนกัน เพราะมีจุดยืนในการมุ่งสอนคนให้เป็นคนดีจุดเดียวกันทั้งนั้น แต่ครั้นได้มีโอกาสศึกษาหลักธรรมของศาสนาอิสลาม ดิฉันจึงพบว่า อิสลามเป็นศาสนาที่มีอะไรหลาย ๆ อย่างพิเศษแตกต่างไปจากศาสนาอื่น ๆ เช่นความมหัศจรรย์ของคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นคัมภีร์เพียงเล่มเดียวในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่ทันสมัยตลอดกาล ไม่ต้องมีการสังคายนาหรือดัดแปลง ต่อเติม แก้ไขให้แปรโฉมจากรูปเดิมมาสู่ความเป็นฉบับใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ตลอดจนวิธีปฏิบัติตนของมวลมนุษย์ก็มีแบบอย่างและคำสอนไว้ทุกแง่ทุกมุม อิสลามจึงเป็นวิถีที่สมบูรณ์ของชีวิตทุกชีวิตอย่างแท้จริง จะไม่พบความสมบูรณ์เช่นว่านี้ในหลักศาสนาอื่นเลย
ดังนั้นในวันที่ 31 ธันวาคม 2518 เวลา 10.55 น. ดิฉันจึงปฏิญาณเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามเป็นแสงสว่างและธรรมนูญของชีวิต ณ ที่สำนักงานศาสนาอิสลามประจำจังหวัดยะลา โดยได้รับความสะดวกจากชมรมนักศึกษาไทยมุสลิม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ บัดนั้นเองดิฉันก็ได้มีโอกาสเป็นสตรีมุสลิม (มุสลิมะฮ์) อย่างสมบูรณ์ ดิฉันได้รับการตั้งชื่อจากท่านอิหม่ามที่ทำพิธีรับดิฉันเป็นมุสลิมในวันนั้นว่า “รูฮานี”
สำหรับภูมิหลังของดิฉันนั้นไม่สู้จะมีอะไรสลักสำคัญนัก จึงไม่อยากจะนำมากล่าวถึง ขอให้รู้จักแต่เพียงว่ามุสลิมะฮ์ใหม่พี่น้องของท่านคนนี้บ้านเดิมอยู่ที่จังหวัดพัทลุง เป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ ท่านจึงรักดิฉันมาก แต่ก็เป็นความรักที่เต็มไปด้วยเหตุผล ไม่ใช่ลุ่มหลงและตามใจเสียทุกกรณี และเพราะท่านทั้งสองรักดิฉันอย่างถูกต้องนี้เอง เมื่อดิฉันนำเอาเหตุผลของความศรัทธาเข้ามาชี้แจงและเรียนกับท่านว่า ดิฉันจะยอมรับอิสลามเป็นสรณะ ท่านจึงมิได้ขัดข้องแต่ประการใด มาชาอัลลอฮ์
ปัจจุบัน ดิฉันกำลังศึกษาอยู่ปีที่ 2 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จังหวัดปัตตานี ดิฉันอบอุ่นใจและปลาบปลื้มเหลือเกินที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพี่น้องมุสลิม ทุก ๆ คนที่ดิฉันมีโอกาสได้พบต่างแสดงไมตรีจิตต์ฉันท์พี่น้องด้วยน้ำใสใจจริง ดิฉันขอบพระมหากรุณาธิคุณต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อย่างสูงสุดที่ช่วยให้ดิฉันได้รับคำแนะนำสั่งสอนจากพี่น้องมุสลิมเหล่านั้น จนทำให้มีความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น แต่หากพี่น้องมุสลิมท่านใดจะกรุณาแนะนำสั่งสอน เพิ่มเติมแก่ดิฉันก็จะเป็นพระคุณยิ่ง ดิฉันพร้อมเสมอที่จะรับความรู้เกี่ยวกับอิสลามที่ดิฉันรักและหวงแหน
แปลและเรียบเรียงโดย อนัส ปาลิยะสิทธ์ คัดลอกจาก ไทยอิสลามิค.คอม