ഡന് മാര്ക്ക് പത്രം നബി(സ) യെ അപകീര്ത്തിപ്പെടുത്തുന്ന രൂപത്തില് വാര്ത്ത പുന:പ്രസിദ്ധീകരി
สำนักเลขาธิการองค์การสันนิบาตโลกมุสลิม (The Muslim World League) ได้ออกแถลงการณ์ประณามการเผยแพร่รูปล้อเลียนศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในหนังสือพิมพ์สิบเจ็ดฉบับของเดนมาร์กซึ่งเคยเผยแพร่แล้วครั้งแรกเมื่อปี 2006 ทั้งนี้สันนิบาตโลกมุสลิมและองค์กรเครือข่ายที่อยู่ภายใต้การดูแลของสันนิบาตโลกมุสลิมซึ่งมีอยู่ทั่วโลก ได้ร่วมปฏิเสธการกระทำดูหมิ่นดังกล่าวต่อท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ผู้เป็นศาสนทูตแห่งความเมตตาแก่สากลโลก
การประณามดังกล่าวเป็นแถลงการณ์ที่ออกโดยเลขาธิการสันนิบาตโลกมุสลิม พณฯ ดร.อับดุลลอฮฺ บิน อับดุลมุห์สิน อัต-ตุรกีย์ และประธานผู้อำนวยการโปรแกรมสากลเพื่อแนะนำศาสนทูตแห่งความเมตตา ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสันนิบาตฯ โดยกล่าวว่าการเผยแพร่ภาพดูหมิ่นล้อเลียนต่อท่านศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม อีกครั้งในหนังสือพิมพ์เดนมาร์กนั้น เป็นการยืนกรานที่จะดูหมิ่นเหยียดหยามต่อศาสนาของอัลลอฮฺ และต่อท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ผู้เป็นศาสนทูตของพระองค์
ท่านได้กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการปะทุความเกลียดชังและความโกรธแค้นระหว่างสังคมมนุษย์ เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนในเชิงดูหมิ่นต่อประชาชาติมุสลิมทั่วโลก ซึ่งมีจำนวนกว่า 1,500 ล้านคน ในขณะที่ประชาชาติมุสลิมพร้อมทุกเมื่อที่จะร่วมมือและประสานงานเพื่อใช้ชีวิตอย่างสันติกับผู้คนทั้งโลก และมีเจตนารมณ์แน่วแน่ที่จะเชิดชูสันติภาพของมวลมนุษย์ โดยท่านยังได้เตือนถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้นจากการละเมิดต่อศาสนาอิสลามและความรู้สึกของมุสลิม ที่มิอาจยอมรับการดูหมิ่นต่อศาสนาของพวกเขาและศาสนทูตของพวกเขาได้
อัต-ตุรกีย์ กล่าวว่า ศูนย์กลางอิสลามและองค์กรอิสลามต่างๆ ภายใต้การดูแลของสันนิบาตโลกมุสลิม ขอแสดงความรู้สึกเจ็บปวดอย่างลึกซึ้งและความปวดร้าวที่รุนแรง ต่อกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพดูหมิ่นท่านศาสนทูตซ้ำอีกครั้งนี้
ท่านยังได้กล่าวว่า แท้จริงสาสน์แห่งอัลลอฮฺและบัญญัติแห่งอิสลามห้ามการดูถูกเยาะเย้ยต่อศาสนา และประณามอย่างรุนแรงต่อผู้ที่ดูถูกบรรดาศาสนทูต รวมทั้งได้อธิบายบั้นปลายอันเลวร้ายที่รอวันจะเกิดขึ้นกับผู้กระทำการดังกล่าว เช่นที่อัลลอฮฺได้มีดำรัสว่า
«وَلَقَدِ اسْتُهْزِئَ بِرُسُلٍ مِنْ قَبْلِكَ فَحَاقَ بِالَّذِينَ سَخِرُوا مِنْهُمْ مَا كَانُوا بِهِ يَسْتَهْزِئُونَ» (الأنعام:10)
ความว่า แท้จริงแล้ว บรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้า(โอ้มุหัมมัด) เคยได้รับการดูถูกเหยียดหยามมาแล้ว และผู้ที่ดูถูกเหล่านั้นก็ประสบกับผลกรรมตามที่พวกเขาดูถูกเยาะเย้ย (อัล-อันอาม : 10)
«وَلَئِنْ سَأَلْتَهُمْ لَيَقُولُنَّ إِنَّمَا كُنَّا نَخُوضُ وَنَلْعَبُ قُلْ أَبِاللَّهِ وَآيَاتِهِ وَرَسُولِهِ كُنْتُمْ تَسْتَهْزِئُونَ» (التوبة:65)
ความว่า และหากเจ้าถามพวกเขาแล้วไซร้ พวกเขาก็จะตอบว่า 'แท้จริงเราแค่พูดออกไปและละเล่นเท่านั้น' จงกล่าวเถิด พวกเจ้าได้เยาะเย้ยกับอัลลอฮฺ กับโองการของพระองค์ และกับศาสนทูตของพระองค์กระนั้นหรือ? (อัต-เตาบะฮฺ : 65)
โดยเน้นว่าอัลลอฮฺจะทรงรับเป็นผู้ดำเนินโทษอย่างสาสมแก่ผู้ที่ดูหมิ่นเยาะเย้ยบรรดาศาสนทูตทั้งหลาย รวมถึงท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ผู้เป็นศาสนทูตคนสุดท้าย ดังที่พระองค์ตรัสว่า
«إِنَّا كَفَيْنَاكَ الْمُسْتَهْزِئينَ» (الحجر:95)
ความว่า แท้จริงเราได้พิทักษ์ปกป้องเจ้าจากบรรดาผู้ที่เยาะเย้ยถากถาง (อัล-หิจญ์รฺ : 95)
อัต-ตุรกีย์ ได้เรียกร้องให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบของเดนมาร์กดำเนินการ เพื่อระงับการกระทำดูหมิ่นต่อท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ผู้เป็นศาสนทูตแห่งความเมตตาแก่ประชาชาติทั้งมวลในสากลโลก ดังที่อัลกุรอานประกาศชัดเจนว่า
«وَمَا أَرْسَلْنَاكَ إِلَّا رَحْمَةً لِلْعَالَمِينَ» (الأنبياء : 107)
ความว่า และเรามิได้ส่งเจ้า(มุหัมมัด)มาเพื่อการใด เว้นแต่เพื่อเป็นเมตตาให้แก่สากลโลก (อัล-อันบิยาอ์ : 107)
«وَمَا أَرْسَلْنَاكَ إِلَّا كَافَّةً لِلنَّاسِ بَشِيراً وَنَذِيراً» (سبأ:28)
ความว่า และเรามิได้ส่งเจ้า(มุหัมมัด)มาเพื่อการใด เว้นแต่เพื่อมนุษย์ทั้งมวล ในฐานะเป็นผู้นำข่าวดีและผู้ตักเตือน (สะบะอ์ : 28)
ท่านได้เชิญชวนให้ศูนย์กลางและองค์กรอิสลาม รวมทั้งสังคมมุสลิมในประเทศเดนมาร์ก ไม่ให้วู่วามและให้ใช้วิธีการเสวนากับผู้อื่นในกรอบของสติปัญญาที่ยังประโยชน์ และได้เรียกร้องพวกเขาไม่ให้ถูกลากดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการทะเลาะเบาะแว้งและสงครามปะทะคารม โดยย้ำว่าทางสันนิบาตฯ และโปรแกรมสากลเพื่อแนะนำศาสนทูตแห่งความเมตตาภายใต้การดูแลของสันนิบาตฯ จะติดตามความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยจะร่วมมือกับองค์กรอิสลามอื่นๆ ทั่วโลก ท่านได้กล่าวว่า แท้จริงมุสลิมไม่ควรตกเข้าไปอยู่ในวังวนแห่งการโต้ตอบตามอารมณ์หรือความรู้สึก และย้ำว่าสารแห่งอิสลามเป็นสารสากลและเป็นสารแห่งมนุษยชาติที่จะยั่งยืนตลอดไป ซึ่งแท้จริงอัลลอฮฺได้รับที่จะพิทักษ์รักษามันด้วยการที่พระองค์ได้พิทักษ์มหาคัมภีร์ของพระองค์
«إِنَّا نَحْنُ نَزَّلْنَا الذِّكْرَ وَإِنَّا لَهُ لَحَافِظُونَ» (الحجر:9)
ความว่า แท้จริงเราได้ประทานอัซซิกรฺ(หมายถึงอัลกุรอาน) และแท้จริงเราจะเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องมัน
นอกจากนี้ เลขาธิการสันนิบาตโลกมุสลิมยังได้เสริมว่า เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องพยายามอย่างแข็งขันเพื่อนำเสนออุดมการณ์แห่งอิสลาม ความกว้างขวางอะลุ่มอะลวยและความยิ่งใหญ่ของบัญญัติแห่งอิสลาม ต้องอธิบายถึงบุคลิกภาพของท่านศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ว่าท่านเป็นทูตแห่งความเมตตาแก่สากลโลก และต้องทำงานผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อให้บรรลุผลในการปกป้องช่วยเหลือศาสนทูตท่านสุดท้ายผู้ที่อัลลอฮฺได้ช่วยเหลือปกป้องท่านผู้นี้ ในทุกสถานการณ์และเหตุการณ์
//www.themwl.org/PressReleases/default.aspx?d=1&cid=16&cidi=123&l=AR